แนวรับ แนวต้าน คือ
แนวรับ แนวต้าน คือ เคลื่อนไหวในลักษณะขึ้นหรือลง การที่กราฟเด้งขึ้นลงนี่แหละ ที่เหล่านักลงทุนเรียกกันว่าแนวรับแนวต้าน
แนวรับ แนวต้าน คือ Forex สำหรับมือใหม่หัดเทรดอย่างเราคงจะสงสัยว่า แนวรับกับแนวต้านมากจากไหนและคืออะไรกันแน่ เมื่อเราเทรด Forex เราจะเห็นกราฟ forex เคลื่อนไหวในลักษณะขึ้นหรือลง การที่กราฟเด้งขึ้นลงนี่แหละ ที่เหล่านักลงทุนเรียกกันว่าแนวรับแนวต้านหรือ Support and Resistance Level นั่นเอง ซึ่งประโยชน์ของเส้นกราฟที่เรียกว่าแนวรับแนวต้านนั้นก็คือ เป็นตัวช่วยให้กับนักลงทุนในการวิเคราะห์กรอบราคาของตลาด ทำให้นักลงทุนหรือนักเทรดทุกคนวางแผนได้ว่าจะเข้าออกออเดอร์ตอนไหน อีกทั้งยังช่วยในการทำนายทิศทางของราคาในอนาคตได้อีกด้วย เรามาดูรายละเอียดของแนวรับและแนวต้านให้ละเอียดมากขึ้นอีกกันดีกว่า
หัวใจสำคัญของการเทรด Forex คือแนวรับแนวต้าน เข้าใจเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำกำไรได้แล้ว แต่การตีเส้นแนวรับแนวต้าน ไม่ใช่เพียงแค่เส้นแนวนอนที่ตีเอาไว้ให้ดูเท่ห์ แต่จะต้องมีเหตุผลหรือทฤษฎีรองรับ เพื่อที่จะสามารถใช้ได้และหาเป็น ด้วยเทคนิคในการหาแนวรับแนวต้านง่าย ๆ ตามมาดูกันได้เลย
แนวรับแนวต้าน Forex คือหัวใจสำคัญในการเทรด ไม่ว่าจะเทรดสินทรัพย์ประเภทไหน จะหนีสิ่งนี้ไปไม่ได้ เพราะแนวรับแนวต้าน เป็นบริเวณสำคัญที่จะบอกให้เทรดเดอร์รู้ว่า จุดไหนควรเข้าซื้อ หรือจุดที่ไหนที่ควรขาย
แนวรับแนวต้านในตลาด Forex ก็คือหัวใจสำคัญจุดซื้อขาย เพราะถ้าอยากมีกำไรและเข้าในบริเวณที่ปลอดภัย จะต้องซื้อที่แนวรับและขายที่บริเวณแนวต้าน แต่ถ้าเผลอไปซื้อที่แนวต้าน อาจจะติดดอยเลยก็ได้ ถ้าหากว่ากราฟเกิดการกลับตัว หรือถ้าขายในบริเวณแนวรับ ก็อาจจะเป็นการขายในราคาที่ถูกเกินไป เมื่อกราฟเกิดการเด้งกลับเมื่อเจอแนวรับ ก็จะติดลบในทันที
แนวรับแนวต้าน Forex คือหัวใจสำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนจะมองข้ามไม่ได้เลย แต่การหาแนวรับแนวต้าน ไม่ใช่เพียงแค่ตีเส้นแนวนอนตรง ๆ เท่านั้น จะต้องมีเหตุผลในการตีด้วย และการตีแนวรับแนวต้านก็สามารถตีได้หลากหลายวิธี ลองมาดูเทคนิคในการหาแนวรับแนวต้านง่าย ๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
แนวรับ support เกิดขึ้นจากอะไร
การเกิดแนวรับนั้นเกิดขึ้นจากกราฟราคาปรับตัวลดลงไปยังจุดที่จูงใจให้นักเทรดตัดสินใจซื้อ “Buy” ระดับของราคาต่ำสุดจะถูกเรียกว่า แนวรับ หรือ support โดยกราฟราคาในส่วนนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต
แนวต้าน Resistance เกิดขึ้นจากอะไร
สำหรับแนวต้านจะเกิดจากกราฟราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงจนถึงจุดที่นักเทรดจะเกิดแรงจูงใจให้ขาย “Sell” ระดับของกราฟราคาที่สูงขึ้นนี้ จะถูกเรียกว่า แนวต้าน หรือ Resistance โดยกราฟราคาในส่วนนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงไปอีกในอนาคตข้างหน้า
ระดับและทิศทางของกราฟราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ ได้ จึงทำให้เกิดแนวรับและแนวต้านในระดับที่แตกต่างออกไปได้ ซึ่งกราฟราคาที่เคยถูกเรียกว่าแนวต้านในอตีด สามารถที่จะกลายเป็นแนวรับในปัจจุบันไปแทนได้ และจุดที่เคยเป็นแนวรับมาก่อนก็สามารถที่จะกลายเป็นแนวต้านในอนาคตได้เช่นเดียวกัน นั่นก็เนื่องจากว่านักลงทุนมีแรงซื้อหรือลงทุนมากน้อยแค่ไหน ระดับของราคาก็จะขยับตัวสูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
วิธีหาแนวรับแนวต้านง่าย ๆ แต่ใช้ได้จริง
1 บริเวณที่มีราคากลับมาเทส ตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป โดยมองไปที่จุดกลับตัวของราคา แล้วมองย้อนกลับไปว่า บริเวณนั้นเคยมีราคาเคยกลับตัวบริเวณนี้หรือไม่ ถ้ามีมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป สามารถตีเส้นแนวนอนไว้ได้เลย เพราะบริเวณนั้นเป็นแนวรับหรือแนวต้าน ที่มีราคากลับมาเทสบ่อย ๆ นั่นเอง ถือว่าเป็นจุดที่มีผู้คนรอซื้อหรือขายอยู่นั่นเอง
2 แนวรับเปลี่ยนเป็นแนวต้าน แนวต้านเปลี่ยนเป็นแนวรับ กรณีที่กราฟเป็นแนวโน้ม ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือลง นั่นก็คือกราฟจะต้องทำ swing high หรือ swing low และเมื่อกราฟย่อตัวกลับมา swing high หรือ swing low นั่นแหละที่จะทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน ในแนวโน้มขาขึ้น swing high ที่เคยเป็นแนวต้านก็จะกลายเป็นแนวรับ ในแนวโน้มขาลง swing low ที่เคยเป็นแนวรับก็จะกลายเป็นแนวต้าน เสมือนว่าบริเวณนั้นมีผู้คนรอซื้อหรือขาย บางคนผิดทางรอที่จะแก้ไม้อยู่นั่นเอง
3 แนวต้านจิตวิทยา รายใหญ่ในตลาด ส่วนมากมักจะไม่ใช้การเทรด้วยมือ แต่ส่วนใหญ่จะใช้ AI หรือระบบเทรดอัตโนมัติ ดังนั้นการที่จะตั้งโปรแกรมในการเข้าเทรด เพื่อให้ง่ายต่อการวางออเดอร์ล่วงหน้า การใส่เลขในระบบที่เป็นเลขกลม ๆ จึงเป็นเรื่องง่าย บริเวณราคาที่ลงท้ายด้วยเลขกลม ๆ อาจจะเป็นแนวรับแนวต้านทางจิตวิทยาได้ ตัวอย่าง EUR/USD 1.20500 21200 เป็นต้น
4 จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุด เป็นจุดที่กราฟเคยกลับตัว และเป็นบริเวณที่ราคาไปถึงได้ยาก หรือนาน ๆ จะไปถึงสักครั้ง ก็นับว่าเป็นแนวรับแนวต้านได้เช่นกัน ผู้คนส่วนใหญ่จะเฝ้าระวังว่าจะผ่านจุดนั้นไปได้หรือไม่ หรืออาจจะมีรายใหญ่ที่เคยทำการซื้อหรือขายด้วยปริมาณเป็นมาก ๆ ทำการซื้อหรือขายอีกครั้งก็เป็นได้
การหาแนวรับแนวต้าน Forex คือการหาจุดที่คิดว่าจะมีการซื้อหรือขายของผู้คนในตลาด เพราะการที่จะสามารถเก็งกำไรได้ ก็จะต้องเข้าไปยังทิศทางเดียวกับผู้คนส่วนใหญ่ในตลาด เพราะเงินทุนเพียงน้อยนิดของเทรดเดอร์รายย่อย จะไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มของราคาได้เลย
แนวรับแนวต้าน Forex เป็นการทำกำไร ถ้าหาแนวรับแนวต้านได้และใช้เป็น ก็สามารถทำกำไรได้แล้ว เพียงแต่จะต้องฝึกฝนในการหาให้ชำนาญ และเมื่อนั้นจะเข้าใจและคาดการณ์การเคลื่อนที่ของราคาได้ ไม่ว่าเทรดด้วยทฤษฎีไหนก็ต้องใช้ ทำไมไม่ฝึกการใช้แนวรับแนวต้านให้ชำนาญไปเลยล่ะ
ทำอย่างไรถ้าแนวรับแนวต้านถูกทำลาย
จากเนื้อหาก่อนหน้าเราพูดถึงว่า เกิดสัญญาณ แนวรับแนวต้านหลอก ทำให้การวิเคราะห์ และจุดเข้าเทรดทำได้ยาก โดยที่ราคาเบรคแนวรับและแนวต้านนั้นไปแล้ว ทำให้เราไม่สามารถใช้แนวรับแนวต้านนั้นได้อีก ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ภาพ แนวรับแนวต้านถูกทำลาย
แนวรับแนวต้านถูกทำลาย ทั้ง 2 จุด โดยที่หลังจากถูกทำลายครั้งแรกทำให้แนวรับแนวต้านเดิมหมดความน่าเชื่อถือไปตั้งแต่แรกแล้ว ฉะนั้น เมื่อเกิดแนวรับและแนวต้านถูกทำลายสิ่งที่เราควรจะทำคือ เลิกใช้แนวรับแนวต้านเดิมและรอให้มันเกิดแนวรับแนวต้านใหม่อีกครั้งเท่านั้น
แต่สิ่งที่พึงระลึกไว้สำหรับการใช้แนวรับแนวต้าน คือ ถ้าหากมันเจอแนวรับแนวต้านใหม่แล้ว ควรเลิกใช้แนวรับและแนวต้านเดิม การเบรคแนวรับแนวต้านนั้นจะต้องยกเลิกสัญญาณเดิมให้หมด ลบอออกไปจากสาระบบได้เลยยิ่งดี
ประเภทของแนวรับแนวต้านที่มือใหม่ควรรู้ไว้มีอะไรบ้าง
แบบดั้งเดิมหรือ แบบ swing highs and low
นี่คือลักษณะของแนวรับแนวต้านที่เป็นแบบพื้นฐานที่สุด โดยดูได้จากช่วงเวลายาว ๆ กว้าง ๆ เช่น week หรือ monthly ซึ่งเมื่อซูมภาพออกดูกว้าง ๆ ก็จะเห็นกรอบราคาด้านบนและด้านล่างได้อย่างง่ายๆ
แบบ swing point level
กราฟราคาในรูปแบบนี้เรียกว่า แนวรับเก่า แนวต้านใหม่ นั่นก็เพราะว่า เมื่อเกิดเทรนราคาขาขึ้นขาลงไปเรื่อยๆสักระยะก็จะเกิดการ pull back คือกราฟย้อนกลับมาทางเดิม การเกิดจุด pull back จะเป็นช่วงเวลาที่ดีเพราะแนวต้านที่พลิกกลับมาเป็นแนวรับเป็นจุดที่จะทำให้นักลงทุนเกิดผลกำไรสูงขึ้นได้ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ นักลงทุนหรือนักเทรดก็สามารถที่จะเดาทิศทางของราคาหรือสภาพตลาดได้ง่ายขึ้น
แบบ Swing point level as containment and risk management
ลักษณะของกราฟนี้เราสามารถใช้การแกว่งสูงต่ำเป็นจุดเสี่ยงเพื่อกำหนดทิศทางในการเทรดครั้งต่อไปได้ กล่าวคือ เมื่อกราฟราคาแนวรับทะลุผ่านกรอบไปราคาแล้วแนวรับจะกลายเป็นแนวต้านทันที เราจึงต้องรีบ sell ในขณะที่ราคายังอยู่ภายในกรอบราคาหรือใกล้กรอบราคาแนวต้าน วิธีนี้จะช่วยให้เรารู้ความเคลื่อนไหวของราคาและกำหนด stop loss ได้ถูกจุด
แบบ Dynamic support and resistance levels
แนวรับ แนวต้าน รูปแบบนี้จะดูการเคลื่อนที่แบบค่าเฉลี่ย Moving average คือ ดูการเคลื่อนไหวของราคาสูงต่ำที่ตั้งไว้ เช่น ค่า 50-period MAs, 100-period MAs และ 200-period MAs การดูกราฟราคารูปแบบนี้นิยมใช้ใน timeframe ระยะสั้น ๆ แบบ daily หรือรายวัน หรือสัปดาห์ก็ได้ จำไว้ว่า ตลาดที่มีความผันผวนต่ำก็จะเรียกใช้ EMA ที่ต่ำลง เช่น อยู่ที่ 50-period หรือต่ำกว่านั้น
รูปแบบของกราฟราคาก็มีความแตกต่างกันออกไป ตามลักษณะการตั้งค่าของช่วงเวลาและขนาดการลงทุนของนักเทรดแต่ละคน หากเราตั้งใจฝึกฝนและเข้าใจแนวรับแนวต้าน เราก็สามารถที่จะเข้าใจสภาพราคาของตลาดได้ง่ายขึ้นและจับทิศทางในการเทรดที่ปลอดภัยได้มากขึ้นไปอีกด้วย เราก็จะลดความเสี่ยงในการเปิดออเดอร์ของเราในแต่ละครั้งได้
อินดิเคเตอร์สำหรับตรวจหาแนวรับและแนวต้าน forex
การหาจุดแนวรับแนวต้าน ตามที่ได้อ่านมาแบบทฤษฎีนี้ก็ดูเหมือนว่าจะหาได้ง่าย ๆ แต่ความจริงอาจจะยากกว่าที่คิด จึงจำเป็นที่จะต้องใช้อิรดิเคเตอร์ช่วยหาอีกแรง เพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดท่าหรือโอกาสดีๆ ในการทำกำไรงามจากการเทรด forex ไปอย่างน่าเสียดาย เรามาดูกันว่า indicator ไหนบ้างที่ช่วยหาแนวรับ แนวต้านได้
- Fibonacci
อินดิเคเตอร์ตัวนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากสำหรับนักเทรดทางเทคนิค อินดิเคเตอร์ Fibonacci จะจับการเคลื่อนไหวของกราฟราคาและสภาพแนวโน้มของราคาที่แข็งแกร่งอย่างละเอียด นักเทรดจะทำการออเดอร์ซื้อและขายและทำกำไรตามช่วงเวลาที่ตั้งค่าไว้บน Fibonacci นักเทรดจะเป็นผูเลือกช่วงเวลาที่อยากจะใช้กับอินดิเคเตอร์นี้ การเลือกช่วงเวลาที่แตกต่างกันทำให้นักเทรดมองระดับ Fibonacci ที่แตกต่างกันออกไป
ตัวนี้ใช้สำหรับดูราคาตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ที่มีการซื้อขายกันตลอดเวลา ซึ่งสามารถปรับ timeframe เป็น 5 นาที และปรับ Moving Average เป็น 200 ได้ เป็นต้น อินดิเคเตอร์ตัวนี้จะเป็นตัวช่วยเน้นให้เห็นช่วงเวลาที่เราควรเทรด คือจะมีแยวเส้นที่ทำให้เรารู้ว่าราคาแข็งพอที่จะเทรด ช่วยลดความเสี่ยงไปได้อีกขั้น
- Oscillator
อินดิเคเตอร์ตัวนี้จะใช้หาแนวรับแนวต้าน ด้วยวิธีการแลกเปลี่ยน Transaction จุดที่เป็น Overbought หรือ Oversold ที่พีคเกิน 30 หรือ 70 ไป จุดนั้นมักจะเป็นจุดที่จะเกิดการแพ้ชนะของผู้ซื้อและผู้ขายแบบกระทันหันมาก เพราะจะเกิดการกระชากราคากลับมา ซึ่งจุดนั้นก็จุดแนวรับแนวต้านนั่นเอง
- Admiral Pivot
อินดิเคเตอร์ตัวนี้จะระบุแนวรับแนวต้านในเลยอัตโนมัติ โดยการคำนวณจากราคา High, Low และราคาปิด ของช่วงเวลาที่ผ่าน ๆ มา โดยตัวนี้จะใช้เทคนิคการหาแนวรับแนวร่วมแบบเดียวกันกับ Moving Average คือจะสามารถยืนยยันความแข็งแกร่งของแนวรับแนวร่วมได้อย่างชัดเจน
การหาจุดของแนวรับแนวต้าน support and resistance level นั้นมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจเปิดออเดอร์ forex เป็นอย่างมาก หากเราสามารถที่จะสังเกตเห็นแนวรับแนวต้านที่ชัดเจน เราก็สามารถคาดเดาและวางแผนการเทรดของเราได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถรอจังหวะที่จะคว้ากำไรก้อนโตได้แบบกระทันหันเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะนักเทรดรุ่นไหนหรือระดับไหนก็ไม่ควรพลาดกับเทคนิคการเทรดแบบดูแนวรับแนวต้านนี้โดยเด็ดขาด
ประโยชน์ของ การรู้เรื่องเส้น แนวรับ แนวต้าน
1.สามารถใช้หาจุดในการเปิดสัญญา Buy หรือ สัญญา Sell ได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ดูว่าราคาเข้าใกล้สู่เส้นแนวรับแนวต้านมากน้อยเพียงใด เป็นต้น แต่ว่าคุณอาจต้องใช้คู่กับอินดี้ตัวอื่นๆ ด้วยนะครับ ไม่ใช่ใช้แค่ตัวเดียวแล้วจบเลย
2.ช่วยให้มองเห็นกรอบราคาของการวิ่งได้ ข้อดีประการต่อมาคือช่วยให้เรามองเห็นกรอบราคาของการวิ่งไปได้อย่างชัดเจน ตรงนี้เรามักจะลากทั้งเส้นแนวรับและเส้นแนวต้านควบคู่กันไปพร้อมๆกันนั่นเองครับ
สรุป
ตลอดการเทรด forex ของคุณ คุณไม่มีทางที่จะหนีได้เลยกับคำว่าแนวรับ และแนวต้าน ดังนั้น จงเตรียมพร้อมที่จะทำความเข้าใจและพร้อมที่จะศึกษาเรื่องของการใช้เครื่องมือหรือกลยุทธ์ใดๆ เพื่อการเขียนเส้นแนวรับและแนวต้านออกมาให้ได้ แล้วมันจะช่วยให้คุณเทรด forex ง่ายขึ้น มีความสะดวกขึ้นในการเทรด มากกว่าที่จะปฏิเสธ แน่นอนว่ามันไม่มีกลยุทธ์ใด ที่มีความยั่งยืน หรือเทรดได้ 100 % แต่ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เมื่ออยู่รวมกันก็จะทรงพลังมากขึ้น
รีวิว แจกซิกแนลในห้องไลน์ ทั้งทอง และคู่สกุลเงิน ทำกำไร Forex
สอบถามเพิ่มเติมเข้ากลุ่มไลน์ กดลิ้งนี้ได้เลย http://bit.ly/thaiforexfamily
โบรกเกอร์ FOREX ที่แนะนำ
ข้อดีและข้อเสีย อัพเดทล่าสุดปี 2021 รายละเอียดแบบชัดเจนทุกประเด็น ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ใบอนุญาต Forex ประเภทบัญชีซื้อขาย แพลตฟอร์ม MT4, MT5 ช่องทางการฝากเงิน ช่องทางการถอนเงิน โบนัส โปรโมชั่นต่างๆ งานสัมมนาหรือกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเทรด ช่องทางการติดต่อและช่วยเหลือจาก Support